Pages - Menu

Monday, June 30, 2025

คนทำงาน Amazon สหรัฐฯ ลุกฮือ สู้ภัยระบบอัตโนมัติกดขี่ เร่งเครื่องสู่การรวมตัว

คนทำงานในศูนย์จัดส่ง Amazon DBK4 ย่านควีนส์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายจากระบบอัตโนมัติที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยี "ADTA" (Auto Divert to Aisle) มาใช้ ซึ่งได้เข้าควบคุมสายพานลำเลียงมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของระบบทั้งหมด

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลให้จำนวนคนทำงานที่เคยทำหน้าที่ "pickers" ลดลงอย่างมาก และถูกโยกย้ายไปเป็น "stowers" แทน ทำให้ภาระงานของคนทำงานที่เหลือเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล พวกเขาต้องทำงานภายใต้แรงกดดันจากเครื่องจักรที่ผลักดันพัสดุด้วยความเร็วสูงกว่าที่เคย ซึ่งนอกจากจะเร่งให้ทำงานเร็วขึ้นแล้ว ยังทำให้เกิดกองพัสดุขนาดใหญ่ที่ยากต่อการจัดการ นำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การสะดุดล้ม และอุบัติเหตุอื่นๆ นอกจากนี้ เสียงสัญญาณเตือนที่ดังต่อเนื่องและเจาะหูจากเครื่องจักรยังสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ตึงเครียดและไม่เป็นมิตร

แม้ Amazon จะชี้แจงว่าระบบอัตโนมัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย แต่คนทำงานกลับมองว่านี่คือกลยุทธ์ของบริษัทในการเพิ่มผลผลิตสูงสุดโดยลดการพึ่งพาแรงงานคนลง การทำงานที่จำเจและขาดความหลากหลายยังส่งผลให้คนทำงานหลายคนมีอาการบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวซ้ำๆ (repetitive stress injuries) และรู้สึกว่าตนเองถูกลดทอนคุณค่าและถูกใช้งานเกินกำลัง

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความกดดันนี้ กลับมี "แสงสว่าง" เกิดขึ้น แรงกดดันจากบริษัทได้กลายเป็นแรงผลักดันให้คนทำงานเริ่มรวมตัวกันและแสดงออกถึงการต่อต้านที่ชัดเจนขึ้น คนทำงานหลายคนเลือกที่จะชะลอการทำงานโดยเจตนา ทำให้เครื่องจักรขัดข้องและส่งผลให้การจัดส่งพัสดุล่าช้า นอกจากนี้ พวกเขายังใช้ "Voice of the Associate" ซึ่งเป็นไวท์บอร์ดแสดงความคิดเห็น เพื่อระบายความไม่พอใจและข้อร้องเรียนจำนวนมาก การสวมหูฟังเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงสัญญาณรบกวนก็เป็นอีกหนึ่งการแสดงออกถึงการต่อต้าน

พฤติกรรมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกต่อต้านบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน และอาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า สถานการณ์นี้กำลังสุกงอมสำหรับการรวมตัวจัดตั้งสหภาพแรงงาน เพื่อเรียกร้องสิทธิและสภาพการทำงานที่เป็นธรรมต่อไป

ที่มา: Labor Notes, 30/6/2025