
องค์กรแรงงานเผยดัชนี 10 ประเทศ 'ยอดแย่' ของ 'คนทำงาน' ปี 2024 ได้แก่ บังกลาเทศ เบลารุส เอกวาดอร์ อียิปต์ เอสวาตีนี กัวเตมาลา พม่า ฟิลิปปินส์ ตูนิเซีย และตุรกี ซึ่งคนทำงานในประเทศเหล่านี้เผชิญกับการละเมิดสิทธิอย่างรุนแรง ตั้งแต่การถูกสังหาร การจับกุมโดยไม่มีเหตุผล ไปจนถึงการถูกปฏิเสธสิทธิในการจัดตั้งสหภาพแรงงาน - ส่วนไทยยังอยู่ในกลุ่มประเทศ "ไม่มีการรับประกันสิทธิแรงงาน"
ข้อมูลจาก รายงาน Global Rights Index 2024 โดย สมาพันธ์สหภาพแรงงานสากล (ITUC) เผยถึงสถานการณ์สิทธิแรงงานทั่วโลกที่ทรุดโทรมลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมประกาศรายชื่อ 10 ประเทศที่เลวร้ายที่สุดสำหรับคนทำงานในปี 2024
รายชื่อ 10 ประเทศยอดแย่ในปีนี้ ได้แก่ บังกลาเทศ เบลารุส เอกวาดอร์ อียิปต์ เอสวาตีนี กัวเตมาลา พม่า ฟิลิปปินส์ ตูนิเซีย และตุรกี ซึ่งคนทำงานในประเทศเหล่านี้เผชิญกับการละเมิดสิทธิอย่างรุนแรง ตั้งแต่การถูกสังหาร การจับกุมโดยไม่มีเหตุผล ไปจนถึงการถูกปฏิเสธสิทธิในการจัดตั้งสหภาพแรงงาน
ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือยังคงเป็นพื้นที่ที่เลวร้ายที่สุดในโลกสำหรับคนทำงาน ด้วยคะแนนเฉลี่ย 4.74 ซึ่งแย่ลงจาก 4.53 ในปีที่แล้ว รองลงมาคือเอเชีย-แปซิฟิก 4.13 แอฟริกา 3.88 อเมริกา 3.56 และยุโรป 2.73 ตามลำดับ
ข้อมูลจากการสำรวจ 151 ประเทศทั่วโลกเผยให้เห็นภาพที่น่าตกใจ เมื่อ 87% ของประเทศละเมิดสิทธิการนัดหยุดงาน ขณะที่ 79% ของประเทศละเมิดสิทธิการเจรจาต่อรองร่วม และ 75% ของประเทศกีดกันคนทำงานไม่ให้จัดตั้งสหภาพแรงงาน
สถานการณ์ความรุนแรงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น โดยคนทำงานถูกจับกุมและควบคุมตัวใน 74 ประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 69 ประเทศในปีก่อน ส่วนคนทำงานเผชิญความรุนแรงใน 44 ประเทศ และที่น่าเศร้าที่สุดคือมีนักสหภาพแรงงาน 22 คนถูกสังหารเพราะกิจกรรมสหภาพแรงงานใน 6 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ โคลอมเบีย กัวเตมาลา ฮอนดูรัส ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้
ในบังกลาเทศ ชาฮิดุล อิสลาม ผู้นำสหภาพแรงงานสำคัญของสหพันธ์คนงานเสื้อผ้าและอุตสาหกรรมบังกลาเทศ ถูกสังหารในกาซีปูร์หลังจากไปเจรจาเรื่องค่าจ้างค้างจ่ายที่โรงงาน Prince Jacquard Sweaters นอกจากนี้ คนงานเสื้อผ้าสองคนคือ ราเซล ฮาวลาเดอร์ วัย 25 ปี และ อันจูอารา คาตุน วัย 26 ปี ถูกตำรวจยิงตายระหว่างการประท้วงเรียกร้องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
ในเกาหลีใต้ ยัง โฮ-ดง ผู้นำเขตของสหภาพแรงงานก่อสร้างเกาหลี จุดไฟเผาตัวเองเพื่อประท้วงการคุกคามนักสหภาพแรงงานโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และเสียชีวิตจากบาดเจ็บดังกล่าว
ลุค ไทรแองเกิล เลขาธิการใหญ่ ITUC เตือนว่า "รากฐานของประชาธิปไตยกำลังถูกโจมตี มีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างสิทธิของคนทำงานที่ได้รับการปกป้องและความเข้มแข็งของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการพังทลายของสิ่งหนึ่งก็จะกระทบอีกสิ่งหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
แนวโน้ม 10 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นการเสื่อมถอยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มดัชนีในปี 2014 จำนวนประเทศที่ละเมิดสิทธิน้อยที่สุดลดลงครึ่งหนึ่งจาก 16 เหลือ 8 ประเทศ ขณะที่ประเทศที่ไม่มีหลักประกันสิทธิเพราะกฎหมายล่มสลายเพิ่มจาก 8 เป็น 12 ประเทศ
ที่น่าสนใจคือยุโรปซึ่งเคยถือเป็นแบบอย่างสิทธิแรงงานกลับเสื่อมถอยมากที่สุดในรอบ 10 ปี จากคะแนน 1.84 ในปี 2014 เป็น 2.73 ในปี 2567 โดยฟินแลนด์ที่เคยอยู่ในอันดับต้นตกลงมาเป็นอันดับ 2 หลังรัฐบาลขวาของนายกรัฐมนตรี เปตเตรี ออร์โป เสนอการปฏิรูปที่โจมตีแบบจำลองสังคมนอร์ดิก แผนดังกล่าวจะจำกัดการนัดหยุดงานทางการเมืองให้เหลือเพียงหนึ่งวัน บ่อนทำลายการเจรจาค่าแรง และลดสวัสดิการการเจ็บป่วยและการว่างงาน
ในสวิตเซอร์แลนด์ที่ตกจากอันดับ 2 เป็น 3 ความพยายามของผู้นำสหภาพแรงงานในการได้รับการคุ้มครองที่ดีขึ้นจากการไล่ออกที่เป็นการต่อต้านสหภาพแรงงานล้มเหลว เมื่อสภาพาณิชย์สหพันธ์ระงับการไกล่เกลี่ยสามฝ่ายโดยไม่มีคำอธิบายในเดือนธันวาคม 2023
ในด้านบวก บราซิลและโรมาเนียเป็นเพียงสองประเทศที่ปรับปรุงอันดับได้ โดยบราซิลภายใต้รัฐบาลลูล่าได้ฟื้นฟูการเจรจาสามฝ่ายระหว่างคนทำงาน นายจ้าง และรัฐบาล โดยรัฐบาลได้ฟื้นฟูและทำให้คณะกรรมการสามฝ่ายร่วมเป็นถาวรในเดือนกรกฎาคม 20236 หลังจากถูกยกเลิกโดยรัฐบาลโบลโซนาโร ส่วนโรมาเนียได้ขยายสิทธิการนัดหยุดงานและทำให้การเจรจาต่อรองเป็นภาคบังคับในบริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 10 คน
สำหรับประเทศไทย แม้จะไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม 10 ประเทศที่เลวร้ายที่สุด แต่จากข้อมูลในรายงานแสดงให้เห็นว่าไทยอยู่ในระดับ 5 "ไม่มีการรับประกันสิทธิแรงงาน" ซึ่งหมายความว่าแม้กฎหมายอาจระบุสิทธิบางอย่าง แต่คนทำงานไม่สามารถเข้าถึงสิทธิเหล่านี้ได้จริง และต้องเผชิญกับระบอบเผด็จการและการปฏิบัติด้านแรงงานที่ไม่เป็นธรรม ไทยยังถูกระบุเป็นหนึ่งใน 30 ประเทศที่กฎหมายห้ามแรงงานข้ามชาติจัดตั้งและเข้าร่วมสหภาพแรงงาน จำกัดความสามารถในการดำรงตำแหน่งในสหภาพแรงงาน หรือปฏิเสธสิทธิเต็มรูปแบบในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสหภาพแรงงาน
สงครามและความขัดแย้งทั่วโลกส่งผลกระทบรุนแรงต่อสิทธิแรงงาน โดยเฉพาะสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ที่เริ่มต้นหลังการโจมตีของฮามาสเมื่อ 7 ตุลาคม 2023 ทำให้สูญเสียงาน 66% ในกาซา และ 24% ในเวสต์แบงก์ อิสราเอลได้เพิกถอนใบอนุญาทำงานของคนงานชาวกาซาทั้งหมด 190,000 คน โดยไม่มีการเตือนหรือขั้นตอนใดๆ และจับกุมพวกเขาไว้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ในสภาพที่ถูกลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐาน
ขณะที่รัฐเซียเพิ่มการปราบปรามสิทธิพลเรือนหลังบุกยูเครน โดยในเดือนกันยายน 2023 สำนักงานอัยการสูงสุดรัฐเซียประกาศให้สหพันธ์คนงานขนส่งนานาชาติ (ITF) เป็น "องค์กรที่ไม่พึงประสงค์" และในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ได้กำหนดเป้าหมายไปที่ IndustriALL ทำให้สหพันธ์สหภาพแรงงานโลกทั้งสองแห่งถูกบังคับให้ปิดการดำเนินงานในประเทศ
ยูเครนเองก็ใช้กฎอัยการศึกจำกัดสิทธิแรงงาน โดยมาตรการฉุกเฉินได้ทำให้สัญญาการทำงานแบบศูนย์ชั่วโมงถูกกฎหมาย ยกเว้นบริษัทจำนวนมากจากข้อตกลงการเจรจาต่อรองร่วม เพิ่มชั่วโมงทำงานตามกฎหมาย 50% และอำนวยความสะดวกในการชะลอการจ่ายเงินเดือนและการเลิกจ้าง
ไทรแองเกิลสรุปว่า "ในยุคที่มี 4 พันล้านคนทั่วโลกจะเข้าร่วมการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยแขวนอยู่บนเส้นด้าย พวกเผด็จการฝ่ายขวากำลังวนเวียนและเล็งเป้าไปที่แพะรับบาปที่ง่ายต่อการโทษในช่วงก่อนการเลือกตั้ง และส่งเสริมวาระต่อต้านคนทำงานของตนเอง คนทำงานคือหัวใจของประชาธิปไตย และเสียงของพวกเขามีความสำคัญต่อการรับประกันสุขภาพและความยั่งยืนของระบบประชาธิปไตย"
รายงานฉบับสมบูรณ์สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ ITUC ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเดียวในโลกที่ติดตามการละเมิดสิทธิแรงงานใน 151 ประเทศทั่วโลก โดยใช้ระบบการให้คะแนนจาก 1 ถึง 5+ โดย 1 หมายถึงการละเมิดเป็นครั้งคราว และ 5+ หมายถึงไม่มีการรับประกันสิทธิเนื่องจากการล่มสลายของหลักนิติธรรม