แนวโน้มการรวมตัวเป็นสหภาพแรงงานของแพทย์ในสหรัฐฯ กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดมีแพทย์ที่เป็นสมาชิกสหภาพฯ เพิ่มขึ้นจาก 5.7% ในปี 2014 เป็น 8% ในปี 2024 สวนทางกับอาชีพอื่น ๆ ที่มีสัดส่วนสมาชิกสหภาพฯ ลดลงอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของระบบสาธารณสุข และความต้องการที่จะปรับปรุงสภาพการทำงานและค่าตอบแทน
หนึ่งในสาเหตุสำคัญคือการเปลี่ยนสถานะของแพทย์ จากผู้ประกอบการที่มีคลินิกส่วนตัวมาเป็นพนักงานในองค์กรขนาดใหญ่ ส่งผลให้แพทย์ไม่สามารถเจรจาต่อรองเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการได้ด้วยตนเอง การรวมกลุ่มจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มอำนาจต่อรอง นอกจากนี้แพทย์ยังเผชิญกับภาวะหมดไฟจากการทำงาน (Burnout) ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาระงานธุรการที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลหลังมีการนำระบบบันทึกสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ ซึ่งทำให้แพทย์ต้องใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงกับงานเอกสารต่อการใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกับผู้ป่วย
แม้ว่าแพทย์ส่วนใหญ่จะมีรายได้สูง แต่ก็มีภาระหนี้สินจากการเรียนแพทย์ที่แพงและยาวนาน รวมถึงชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานและไม่ได้รับค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมจากการทำงานนอกเวลาตรวจคนไข้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขามองหาสวัสดิการและความมั่นคงในอาชีพ โดยมีข้อกังวลเรื่องการจ้างงานในอนาคตที่อาจถูกแทนที่ด้วยนักวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น ๆ หรือแม้แต่ปัญญาประดิษฐ์
การประท้วงหยุดงานของแพทย์แม้จะเคยเกิดขึ้นน้อยมากในอดีต แต่ก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เช่น การได้ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น และการมีเจ้าหน้าที่สนับสนุนมากขึ้น ซึ่งช่วยลดภาระงานของแพทย์ได้ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่ เช่น การหาจุดสมดุลระหว่างการเรียกร้องสิทธิของแพทย์กับการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องในสถานการณ์ที่อาจมีการหยุดงานประท้วง
