พนักงานของ Starbucks เครือข่ายร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ทั่วสหรัฐฯ ที่รวมตัวกันเป็นสหภาพแรงงาน ได้นัดหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่เพื่อกดดันให้บริษัทบรรลุข้อตกลงร่วมฉบับแรก โดยการประท้วงครั้งนี้ถูกเรียกว่า "การจลาจลถ้วยสีแดง" (Red Cup rebellion) เนื่องจากตรงกับวันโปรโมชั่นประจำปีที่บริษัทแจกถ้วยกาแฟฟรี (Red Cup Day) ซึ่งสหภาพฯ ระบุว่ามีร้านค้ากว่า 65 แห่ง ใน 40 เมืองทั่วประเทศเข้าร่วมการหยุดงาน โดยไม่มีกำหนดสิ้นสุดที่ชัดเจน
สหภาพแรงงาน Starbucks Workers United ซึ่งเป็นตัวแทนของคนงานกว่า 9,500 คน ใน 550 สาขา ได้เรียกร้องให้บริษัทปรับปรุงค่าจ้าง, เพิ่มจำนวนพนักงานให้เพียงพอ, และแก้ไขข้อพิพาทด้านแรงงานที่เกิดขึ้น โดยกล่าวหาว่าบริษัทปฏิเสธที่จะเจรจาสัญญาที่เป็นธรรมและยังคงมีพฤติกรรม ขัดขวางการรวมตัวของสหภาพฯ หากบริษัทยังคงเพิกเฉย การดำเนินงานและผลกำไรของบริษัทจะหยุดชะงักอย่างแน่นอน
ในทางกลับกัน บริษัทได้ออกมาระบุว่า การหยุดงานมี "ผลกระทบน้อยที่สุด" ต่อร้านค้าทั้งหมดกว่า 17,000 แห่งทั่วสหรัฐฯ โดยมีร้านค้าได้รับผลกระทบไม่ถึงร้อยละ 1 และยืนยันว่าบริษัทเสนอสวัสดิการและค่าจ้างที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม โดยมีมูลค่าเทียบเท่า 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อชั่วโมง แต่ทางสหภาพฯ โต้แย้งว่าคนงานจำนวนมากไม่ได้รับชั่วโมงทำงานที่เพียงพอที่จะได้รับสวัสดิการเหล่านั้น และชี้ให้เห็นว่าคนงานยังคงประสบปัญหาในการหาเลี้ยงชีพด้วยค่าจ้างเริ่มต้นที่ 15.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อชั่วโมง
การเจรจาสัญญาระหว่างทั้งสองฝ่ายเริ่มต้นตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 แต่ได้หยุดชะงักลงในเดือนธันวาคม 2024 โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายแรงงานชี้ว่า การเจรจาที่เป็นอุปสรรคนี้ตอกย้ำถึง จุดอ่อนของกฎหมายแรงงานของรัฐบาลกลาง ในการนำนายจ้างเข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างแท้จริง การหยุดงานครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สามของสหภาพฯ ในรอบปีที่ผ่านมา และมีความตั้งใจที่จะหยุดการดำเนินงานและผลกำไรของบริษัท จนกว่าจะได้รับสัญญาที่เป็นธรรม